วันอังคารที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2555
วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2555
มือใหม่หัดเลี้ยง -คำถามพบบ่อย-
มือใหม่หัดเลี้ยง
มี เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา สอบถามว่าควรเลือกซื้อปลาอย่างไร ตัวผู้-ตัวเมียดูกันอย่างไร ขนาดของปลาและตู้ การเปลี่ยนถ่ายน้ำ ให้ปลากินอะไรถึงจะดี กินอะไรแล้วหัวโหนกๆ เร็วๆ เป็นต้น
1. ลูกค้าถามว่าจะเลือกปลาอย่างไร
ตอบแบบได้ใจความ ก็ต้องเลือกที่เราชอบ แล้วอะไรละที่เราชอบ “มุก มาร์ค แดง โหนกใหญ่สุดๆ เวอร์สุดๆ” อันนี้เป็นปลาในจินตนาการที่ทุกคนอยากจะมีไว้ครอบครอง ขอบอกปลาสวยๆ ครบๆ ราคาค่อนข้างสูงมาก ม๊าก บางตัวราคาจับได้ บางตัวก็ได้แต่มอง รอให้มันมีลูก แล้วซื้อลูกมันมาลุ้น(เคยเหมือนกัน) ที่กล่าวมาข้างต้นทุกคนก็คงคิดเหมือนๆ กัน แต่ถ้ามองไปลึกๆแล้วการซื้อปลามาเพื่อเลี้ยงตัวหนึ่ง มันมีเหตุผลอะไร บางคนเลี้ยงไว้โชว์ บางคนเลี้ยงไว้คลายเหงา บางคนเลี้ยงไว้ขาย เป็นต้น โดยส่วนตัวก่อนที่เราจะซื้อเราต้องรู้สาเหตุว่าจะซื้อมาเลี้ยงเพื่ออะไร ด้วยสาเหตุอะไร ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซื้อเพื่อโชว์ ก็ต้องเลือกแบบสวยครบๆ ไม่มีตำหนิ ถ้าซื้อมาขายก็ต้องเลือกเอาที่ตลาดกำลังต้องการ หรือซื้อมาเลื้ยงแก้เหงา ก็อาจจะเลือกสวยถูกใจ สวยพอประมาณ(สวย มากๆ แจ่มๆ ราคาแรง) ไม่ต้องถึงขั้นขนาดเกรดประกวด และบางคนซื้อมาเพื่อทำพันธุ์ ก็อาจจะต้องดูเรื่องสายเลือดเป็นหลัก
2. พี่ๆ ปลาตัวผู้ ตัวเมียดูอย่างไร
จริงๆแล้วปลาตัวผู้-ตัวเมีย จะมีลักษณะที่สังเกตดูได้ และยืนยันได้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย ก็มี 2 จุดหลักๆ
จุดที่ 1 มีกิ๊ฟดำติดที่กระโดงบน ต้องบอกว่า ประมาณ 80%เป็นตัวเมีย แต่ก็อีกแหละ ตัวผู้ที่ติดกิ๊ฟกระโดงบนก็มี หรือตัวเมียไม่ติดกิ๊ฟเลยก็มี
จุดที่ 2 ดูท่อเพศ การดูท่อเพศ สามารถยืนยันเพศได้ 100%โดยลักษณะท่อเพศตัวผู้จะคล้ายหลอดดูดน้ำเป็นแท่งตรงๆ หรือบางตัวอาจงอเล็กน้อย ส่วนตัวเมียลักษณะท่อเพศจะไม่เป็นหลอดเหมือนตัวผู้ เป็นรูปสามเหลี่ยม ส่วนปลายจะโค้งไปด้านหน้า ตามรูปด้านล่างค่ะ ถ้าสังเกตบ่อยๆ ก็จะสามารถแยกแยะออกได้ว่าเป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
3.ปลาและขนาดตู้
อันนี้เป็นอีกคำถามหนึ่งที่ถามกันมาเยอะมาก
สอบถามกันเข้ามาว่าผมมีปลา.....นิ้ว แล้วควรใช้ตู้ปลาขนาดเท่าไรดีครับพี่ จริงๆแล้วทางบ้านปลาแสนสุขแนะนำว่า การจะซื้อปลามาเลี้ยงสักตัว ก็เหมือนการลงทุน ลงทุนครั้งเดียว แล้วเลี้ยงกันได้นานๆ มันคุ้มค่า
ยกตัวอย่าง เช่น ทางร้านมีปลา 2-3 นิ้วเลี้ยงในตู้ 48 บางคนมองว่าทำไมตัวเล็กเลี้ยงตู้ใหญ่ขนาดนี้มันกว้างมาก ถ้ามองกันยาวๆ ปลา 2-3 นิ้ว เมื่อมันโตขึ้นเราก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตู้บ่อยๆ แต่ก็ต้องดูเนื้อที่ในการวางตู้ด้วย บางคนพื้นที่อาจมีจำกัดเป็นต้น แต่อีกกรณีหนึ่ง มีปลา 2-3 นิ้ว ใส่ตู้ 24 แบบมีกรองด้วย เวลาผ่านไป 2 เดือน ปลาโตขึ้นแต่ตู้ดูเล็กลง ถ้าไม่คิดมากก็เลี้ยงกันต่อไป แต่บางคนกังวลก็ต้องมาเปลี่ยนตู้ให้ปลาไปเรื่อยๆ ตามขนาดของปลา ซึ่งเป็นการสิ้นเปลืองอย่างมาก
4.ฮีสเตอร์ควรตั้งอุณหภูมิเท่าไรดี
ฮีสเตอร์เป็นตัวปรับอุณหภูมิให้คงที่เพื่อลดการแกว่งของอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ลดปัญหาปลาป่วย อุณหภูมิที่ควรจะตั้งประมาณ 30 องศา +- 1 องศา และถ้าจะให้ดีควรมีปรอทวัดอุณหภูมิไว้เช็คฮีสเตอร์ว่าทำงานตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้รึเปล่า
5. พี่ๆ ให้ปลากินอะไรถึงจะดีที่สุด
จริงๆแล้วควรฝึกให้ปลากินอาหารได้หลายๆอย่าง โดยส่วนตัวปกติจะให้ปลากินแต่อาหารสด เป็นบางครั้งบางคราวที่อาหารสดขาด หรือด้วยเหตุผลอื่นๆ ที่ไม่สามารถให้อาหารสดได้ ก็จะให้เป็นอาหารเม็ดแทน บางครั้งคนเลี้ยงคิดมากว่าควรจะหาอาหารอะไรที่ดีที่สุดให้ปลากิน แต่ลองนึกกันดูว่าปลาที่อยู่ตามธรรมชาติ จริงๆแล้ววันๆ หนึ่งปลาจะได้กินกันกี่มื้อ แล้วแต่ละมื้อจะได้กินชนิดที่ว่าท้องปริ้นๆเลยรึเปล่า แล้วตอบโจทย์ที่สงสัยกันดู
ส่วนปริมาณการให้อาหาร ต้องเข้าใจก่อนว่าเราให้อาหารปลากินเยอะ ปลาก็ขับถ่ายของเสียออกมาเยอะตามไปด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของน้ำเสียเร็ว โดยหลักทั่วไป ปริมาณอาหารควรให้ปลากินหมดภายใน 5 นาที หรือเร็วกว่านั้น (แต่ก็อีกนั้นแหละ กลัวว่าปลาตัวโปรดจะไม่อิ่ม)
6. เรื่องของน้ำ การเปลี่ยนถ่ายน้ำ
สืบเนื่องมาจากหัวข้อด้านบน น้ำกี่วันควรจะเปลี่ยนได้แล้ว(ตอบไม่ถูก) เอาแบบง่ายๆ ให้สังเกตจากอาการของปลา และการแตกตัวของฟองอากาศที่ออกจากหัวทรายบริเวณผิวน้ำ เหตุผลที่ให้สังเกต อาการปลาก็คือ ถ้าน้ำสกปรกจะมีเชื้อโรค ปลาจะมีอาการเอาตัวถูไถ่กับตู้หรือหิน(ปลามันคัน) ต้องมั่นสังเกตดู ถึงแม้น้ำจะยังใสก็ตาม และอีกข้อให้สังเกตฟองอากาศที่ออกมาจากหัวทราย ที่บริเวณผิวน้ำ ถ้าน้ำยังมีคุณภาพยังดี การแตกตัวของฟองอากาศจะเร็ว ซึ่งต่างกับน้ำที่มีคุณภาพแย่ ฟองอากาศจะแตกตัวได้ช้าหรือไม่แตกเลย และเป็นฟองอยู่บริเวณผิวน้ำ สาเหตุข้างต้นล้วนแล้วมาจากการให้อาหารเยอะเกินไป ปลากินเยอะ ก็ถ่ายเยอะ(ก็กลัวปลาไม่อิ่มนี้นา) แทนที่ปลาจะอิ่มกับเป็นโรคแทน เพราะน้ำไม่สะอาด
7. เจอคำถามนี้แล้วปวดหัวอย่างแรง ทำอย่างไรให้ปลาโหนกๆ ใหญ่ๆ เร็วๆ ปัญหาโลกแตก
ต้องบอกก่อนว่าลักษณะของหัวปลา หรือที่เรียกว่าโหนก พอจะแยกประเภทได้คราวๆ ดังนี้
-โหนกน้ำ พองเร็ว ยุบเร็ว เวอร์ ตั้งแต่เด็กๆ (แต่ต้องติดฮีสเตอร์ด้วนนะ)
-โหนกเนื้อ ยุบน้อย โหนกตามวัย แต่หัวใหญ่ โครตๆ(ตอนอายุมาก)
-โหนกน้ำ+โหนกเนื้อ ยุบน้อย พองเร็ว เวอร์ได้ตั้งแต่ขนาดเล็ก
ที่กล่าวมานั้น ขึ้นอยู่กับสายเลือดของตัวปลาด้วยนะค่ะ
บางคนถามว่าให้กินอะไรดีพี่ หัวถึงจะได้โหนกเร็วๆ ใหญ่ๆ อาหารมีส่วนช่วยบางเล็กน้อย แต่จริงๆแล้วขึ้นอยู่ทีสายเลือดเป็นหลัก
ปลาหมอสีเลี้ยงไม่ยากเลยนะค่ะ
อึดมาก ม๊ากด้วย
แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่
**********************
ความรักและเอาใจใส่ปลา สังเกตุพฤติกรรม
น้ำที่สะอาด
อาหารที่สะอาด
อุณหภูมิที่คงที่
*************************************
ปลาทุกตัวมีความสวยในตัวของมันเอง มีเสน่ห์
และมีเอกลักษณ์ แตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่ที่ว่าเราจะมองแบบไหน
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่ที่รสนิยม
และความพึงพอใจของแต่ละ
คนด้วยนะค่ะ
**********************************
DODGE+DA
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
"มือใหม่หัดเลี้ยง" ตอนที่ 2
มือใหม่หัดเลี้ยงตอน 2
อยากเลี้ยงปลาตัวแรกทำอย่างไรบ้างพี่
1.เราต้องมีความรักและเอาใจใส่ มีเวลา ทั้งเรื่องการให้อาหาร สังเกตพฤติกรรม การเปลี่ยนถ่ายน้ำให้ปลา อดทนต่อการรักษาปลาเมื่อยามปลาคุณป่วยฯลฯ
2.แต่หลักง่ายๆ น้ำสะอาด อาหารสะอาด อุณหภูมิที่คงที่ และการดูแลเอาใจใส่ ปลาก็จะอยู่กับเราไปนาน น๊าน
3.หรืออาจจะหาข้อมูลเรื่องการเลี้ยงปลา ตามหนังสือ เป็นต้น
4.เริ่มมองหาปลาที่เราชอบสักตัว มือใหม่ถ้ากลัวก็ซื้อตัวเล็กมาเลี้ยงก่อน แต่บางคนวัยรุ่นใจร้อนชอบ ขนาด กลางถึงขนาดใหญ่ (กลางถึงใหญ่ มันก็ดีตรงที่เห็นอนาคตแล้ว แต่สวยๆ ราคาก็ค่อนข้างสูงด้วยนะ ฯลฯ)
5.การเลือกปลา ถ้าเอาไปเลี้ยงก็เลือกที่ถูกใจเรา เพราะเราต้องเจอกันทุำกวันกับปลาตัวที่เราเลือกเลี้ยง เช่น บางคนหลงใหล ในหัวโหนกๆ ใหญ่ๆ เวอร์ ๆ ระเิบิด บางคนก็มาร์ต้องยิงยาว บางคนขอแดงไว้ก่อน(จะถูกหรือแพงขอแดงไว้ก่อน) บางคนก็ชอบมุกจัดๆ หรือสวยพอประมาณ บางคนก็ชอบสวยกริบๆ (ครบๆ ไร้ที่ติหายากและราคาอย่างแรงเลยขอบอก) บางคนก็เลี้ยงเพื่อเสริมความเป็นศิริมงคล ฯลฯ หรือถ้าจะเอาไปประกวด หรือจุดประสงค์อื่นๆ ละก็ รายละเอียดอย่างยาวเลยค่ะ
แต่เวลาจะซื้อปลา ควรดูว่าปลามีความร่าเริง สดชื่น แข็งแรง คดหรือดุ้งการว่ายหัวทิมไหม หรือนอนแต่ก้นตู้ ลอยหัว ฯลฯ เป็นโรคไหมเช่น จุดขาวๆ ขี้ตรงตู้ปลาเป็นสีขาว เพราะสิ่งเหล่านี้ อย่างเช่นเป็นโรค รักษาไม่เป็นก็ตาย(อาจจะเป็นตัวแรกและตัวสุดท้ายที่จะเลี้ยง+บางตัวราคาแพงด้วย)สงสารปลา เสียดาย เสียเวลาเสียความรู้สึก เสียเงิน ถึงขั้นอาจเสียน้ำตาได้ (บ้างตัวซื้อมาได้ 2-3 วันไส้ไหลก็มี เคยเจอมาแล้วตอนหัดเลี้ยงใหม่ๆ ) หรือ ถ้าท้องแบนแบบกระดาษก็ควรระวังและดูให้ดีๆ และตำหนิอื่นๆ ขึ้นอยู่ที่เราจะรับได้ไหม(ถ้าเอาไปเลี้ยงนะ) ฯลฯ
6.ดูงบประมาณ ไม่เดือนร้อน ไม่ต้องเกรงใจคนขาย ไม่ชอบก็ไม่ต้องซื้อ(ก็มันไม่ถูกใจนี่น่า)
7.ก่อนจะไปซื้อปลาถูกใจสักตัว ก็อย่าลืม..เตรียมน้ำที่สะอาด น้ำที่พักไว้ และปลอดคลอรีนด้วยนะค่ะ
สิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการเลี้ยง หรือแล้วแต่ความเหมาะสม
-ตู้ปลา ถ้าเป็นไปได้สถานที่ว่างพอ ราคาต่างไม่เยอะ ซื้อตู้ใหญ่จะดีกว่านะ เสียเงินครั้งเดียว
ขยันถ่ายน้ำก็ซื้อตู้โล่ง เวลามีแต่ไม่เยอะก็ใช้ตู้แบบกรอง
-ขาตู้ จะเลี้ยงปลาหมอ ทางเราแนะนำให้เลี้ยงไว้ตู้บน จะสง่างาม และดีต่อปลา ไว้ด้านล่างบ้างตัวมันกลัวเวลาคนเดินผ่านไปมา แล้วแต่ปลาและความเหมาะสมแล้วกันนะค่ะ
-ฝาจะแพงหน่อย +หลอดไฟมีให้เลือกหลายสี หลายยี่ห้อ หลายเกรด ตามความชอบใจให้เลือก ตามความสะดวก ถ้าเป็นรางไฟประหยัด แต่ฝาตู้มีประโยชน์ คือช่วยทำให้อุณหภูมิคงที่รวมถึงการเปลี่ยนแปลอุณหภูมิของน้ำอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมลงไปในตู้ปลา
-ปั๊มเลือกตามขนาดของตู้
-ฮีสเตอร์+ปรอท ควรจะมี เป็นการรักษาอุณหภูมิให้คงที่ โดยเฉพาะหน้าหนาว ช่วยลดการเกิดโรคได้ด้วย ส่วนปรอทก็ไว้เช็คค่าที่ตั้งไว้
-อุปกรณ์เสริมก็ แล้วแต่ ขยันล้างตู้ ก็ใส่หิน ขี้เกียจก็ใส่ฟิวเจอร์บอร์ด ส่วนการตกแต่งแล้วแต่ประเภทของปลา หรือจะแต่งแบบเน้นปลา หรือแต่งแบบเน้นโชว์ตู้ไม่ได้โชว์ปลา เป็นต้น ส่วนตู้แบบระบบกรองตอนนี้ก็มีวัสดุ แบบใหม่ให้เลือก เช่นหินภูเขาไฟ จุลินทรีย์เป็นต้น ถามตามร้านก็ได้หรือข้อมูลตามหนังสือและอินเตอร์เน็ตก็ได้ หรือเลือกตามความเหมาะสม ตามความชอบก็ได้
-อาหาร เลือกตามความสะดวกของเรา มีทั้งสดแห้งและอื่นๆตามท้องตลาด
ส่วนขั้นตอนการนำปลาลงตู้ เรื่องโรค ข้อควรระวัง
และอื่นๆ
อีกมากมายหาอ่านได้ที่หน้าบทความที่น่าสนใจนะค่ะ
“ปลาแต่ละตัวจะปรับสภาพตัวเอง เข้ากับสภาพแวดล้อมนั้นๆ ”
สุดท้ายทางเราก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ นำไปประยุกต์ปรับใช้กันนะค่ะ
แล้วแต่ความเหมาะสม หรือเห็นสมควร
ปรึกษา-สอบถามเพิ่มเติม ปลาทอง รันชู ปลาหมอสี
086-7758674 081-8342544
ด็อจ+ดา
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลากันนะค่ะ
เฮงๆ
ฝากติดตามบทความที่น่าสนใจด้วยนะค่ะ
ไว้มีเรื่องราว อะไรดีๆ เป็นความรู้
จะมาเล่าสู้กันฟังอีกนะค่ะ
ขั้นตอนการนำปลาลงตู้ ข้อควรรู้ และสิ่งที่ต้องระวัง เวลาได้ปลามาใหม่ๆ
สำหรับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ได้รับปลาแล้วมีขั้นตอนดังนี้
1.เมื่อได้รับปลาแล้วควรแช่ถุงในน้ำที่เตรียมไว้ 15-20 นาที(เพื่อให้ปลาปรับสภาพ อุณหภูมิในถุงและนอกถุงก่อน)
***อุณหภูมิต่างกันมากๆ ปลาจะช็อตน้ำค่ะ**
2.ระวังถ้าเป็นน้ำประปา ขอให้กำจัดหรือลดคลอรีน หรือเป็นน้ำที่พักไว้หมดคลอรีน ฯลฯ
3.ได้เวลาลงตู้ ใช้มือลองจุ่มในถุงและนอกถึงว่าใกล้เคียงกันใหม่ แล้วค่อยๆปล่อยลงตู้ปลาค่ะ
4.ปลาที่ผ่านการย้ายสถานที่-เดินทาง ควรงดอาหาร 1-2 วันค่ะ
5.ปลามาใหม่ บางตัวยังมีอาการกลัว จะดร็อป ตัวเป็นขีดๆ แอบ หนี ตกใจ กลัว ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวปลา บ้างตัวก็ปรับสภาพได้เลย บางตัวก็ใช้เวลาไม่นาน บางตัวเป็นอาทิตย์ (จนอาจถึงเป็นเดือนก็มีน้อยมากๆๆๆๆ**ถ้านานก็หาซื้อ วิตามินสำหรับปลาดร็อปก็ได้ผลค่ะ)
6.สำหรับปลาที่กลัวก็มีวิธีแก้แบบง่ายๆ ที่ได้ผลแล้วแต่จะไปปรับประยุกต์ใช้กันนะค่ะ
-หากระจกติดให้เขาได้เล่น
-หาเพื่อนเช่นปลาตะเพียน-ปลานกแก้ว ฯลฯ หรือปลาที่ว่ายหนีเร็วๆ เก่ง และก็ไม่โหดที่จะกัดปลาหมอสีของเรา ดูขนาดที่เหมาะสมนะค่ะ
-อดอาหาร บางตัวกลัวไม่ชินกับสถานที่ใหม่ และก็ไม่ชินกับเจ้าของใหม่ งดอาหาร 2-3 หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะอย่างไรงานนี้หิวแน่ๆ ต้องวิ่งเข้าหาเราแน่นอนค่ะ
***อุณหภูมิต่างกันมากๆ ปลาจะช็อตน้ำค่ะ**
2.ระวังถ้าเป็นน้ำประปา ขอให้กำจัดหรือลดคลอรีน หรือเป็นน้ำที่พักไว้หมดคลอรีน ฯลฯ
3.ได้เวลาลงตู้ ใช้มือลองจุ่มในถุงและนอกถึงว่าใกล้เคียงกันใหม่ แล้วค่อยๆปล่อยลงตู้ปลาค่ะ
4.ปลาที่ผ่านการย้ายสถานที่-เดินทาง ควรงดอาหาร 1-2 วันค่ะ
5.ปลามาใหม่ บางตัวยังมีอาการกลัว จะดร็อป ตัวเป็นขีดๆ แอบ หนี ตกใจ กลัว ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวปลา บ้างตัวก็ปรับสภาพได้เลย บางตัวก็ใช้เวลาไม่นาน บางตัวเป็นอาทิตย์ (จนอาจถึงเป็นเดือนก็มีน้อยมากๆๆๆๆ**ถ้านานก็หาซื้อ วิตามินสำหรับปลาดร็อปก็ได้ผลค่ะ)
6.สำหรับปลาที่กลัวก็มีวิธีแก้แบบง่ายๆ ที่ได้ผลแล้วแต่จะไปปรับประยุกต์ใช้กันนะค่ะ
-หากระจกติดให้เขาได้เล่น
-หาเพื่อนเช่นปลาตะเพียน-ปลานกแก้ว ฯลฯ หรือปลาที่ว่ายหนีเร็วๆ เก่ง และก็ไม่โหดที่จะกัดปลาหมอสีของเรา ดูขนาดที่เหมาะสมนะค่ะ
-อดอาหาร บางตัวกลัวไม่ชินกับสถานที่ใหม่ และก็ไม่ชินกับเจ้าของใหม่ งดอาหาร 2-3 หรือมากกว่านั้นก็ได้ เพราะอย่างไรงานนี้หิวแน่ๆ ต้องวิ่งเข้าหาเราแน่นอนค่ะ
มีข้อสงสัย-ปรึกษา-เพิ่มเติมเรื่อง
การเลี้ยงปลาทอง รันชู ปลาหมอสี
หรืออื่นๆได้นะค่ะ
ยินดีเป็นอย่างสูงค่ะ
การเลี้ยงปลาทอง รันชู ปลาหมอสี
หรืออื่นๆได้นะค่ะ
ยินดีเป็นอย่างสูงค่ะ
****อันนี้สำคัญมาก ม๊าก*****
เวลาปลาย้ายที่ใหม่ๆ จะยังไม่ชิน.....(ขึ้นอยู่กับการปรับตัวของปลาแต่ละตัว แต่ควรป้องกัน-ระวังไว้ก่อนดีที่สุด) ทั้งขนาด เล็ก กลาง ใหญ่ ต้องระวังเรื่องปลาวิ่งชนตู้ หรืออาการปลาตกใจเป็นอย่างมาก เพราะ 90 % ถ้าชนแรงมากโอกาสรอดน้อยมาก ม๊าก ฟันธง ยิ่งถ้าตัวใหญ่แรงชนยิ่งเยอะ
1.มีคนเดินผ่านเร็วๆ หรือโผล่มากระทันหัน
2.ใส่หมวกหรือเสื้อสีเข้มๆ ปลาจะกลัว ถอยหลังหนี หลบแอบ ตัวเป็นขีด
3.กลัวไฟ ยังไม่ชิน
4.ฟิตจัด คึกคักมาก จนถึงดุ
5.เด็กแกล้งปลา
6.ไม่มี แบล็คติดด้านข้าง เพราะตู้ปลาใส วิ่งตามมือ มองไม่เห็น แล้วเบรกไม่ทัน เป็นต้น
7.มีนกมาเกาะ
8.อยู่ตู้ล่างๆ เวลาคนเดินผ่านบ่อยๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวปลา เราจะต้องสังเกต พฤติกรรมของปลาด้วย
เช่นบางตัวไม่ชอบให้มีปลาอื่นมาอยู่ไล่กระจาย ก็ติดกระจกแทน บางตัวก็ดุเวลากินเท่านั้น บางตัวก็ใจดี ฯลฯ
เรื่องปลาวิ่งชนตู้ เราเคยเจอกันมาก่อนหลายตัว และระวังเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ เพราะเป็นการสูญเสีย ที่ยากจะทำใจ ทรมารจิตใจคนเลี้ยงและปลาก็ทรมาร ส่วนอาการรุนแรงที่บอก หาอ่านได้ในบทความเรื่องปลาชนตู้เพิ่มเติมได้ค่ะ
อีกนิด ในกรณีที่ชนไม่แรง ปลาอาจกลับมาเหมือนเิดิมได้ ขึ้นอยู่ที่ปลา ส่วนกรณีที่แรงมากๆ บอกตรงๆ ต้องทำใจ เพราะเมื่อกระดูกหักแล้วจะไปกดทับถุึงลม ทำให้บวม ลอยตัวขึ้นมา หงายท้อง ต้องพาไป ร.พ.สัตว์น้ำจุฬา เจาะออก ถ้าโชคดีก็ไม่ต้องเจาะอีก บางตัวก็ต้องพาไปเจาะอีก เพื่อให้ตัวจมน้ำ ถ้าไม่เจาะ ตัวปลาอยู่ เหนือน้ำจะเน่า และต้องทำกายภาพบำบัด นวดคลายเครียดด้วย บางตัวก็ต้องฉีดอาหารให้กินทางปาก น้อยตัวที่จะกลับตัวเองเพื่อกินอาหาร แต่ก็เคยเจอที่รอด กับมาปกติแต่น้อยมาก บางตัวก็ปกติ แต่ต้องนอนอยู่ในน้ำ เวลากินแล้วก็พลิกตัวขึ้นมา เป็นต้น
ยกตัวอย่างในกรณีที่ปลาจะชนตู้
1.มีคนเดินผ่านเร็วๆ หรือโผล่มากระทันหัน
2.ใส่หมวกหรือเสื้อสีเข้มๆ ปลาจะกลัว ถอยหลังหนี หลบแอบ ตัวเป็นขีด
3.กลัวไฟ ยังไม่ชิน
4.ฟิตจัด คึกคักมาก จนถึงดุ
5.เด็กแกล้งปลา
6.ไม่มี แบล็คติดด้านข้าง เพราะตู้ปลาใส วิ่งตามมือ มองไม่เห็น แล้วเบรกไม่ทัน เป็นต้น
7.มีนกมาเกาะ
8.อยู่ตู้ล่างๆ เวลาคนเดินผ่านบ่อยๆ เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับตัวปลา เราจะต้องสังเกต พฤติกรรมของปลาด้วย
เช่นบางตัวไม่ชอบให้มีปลาอื่นมาอยู่ไล่กระจาย ก็ติดกระจกแทน บางตัวก็ดุเวลากินเท่านั้น บางตัวก็ใจดี ฯลฯ
อีกกรณีที่เราเคยเจอ ว่ายไล่ปลาอื่นแล้วเบรกไม่ทัน ชนตู้เป็นต้น
เรื่องปลาวิ่งชนตู้ เราเคยเจอกันมาก่อนหลายตัว และระวังเรื่องนี้กันเป็นพิเศษ เพราะเป็นการสูญเสีย ที่ยากจะทำใจ ทรมารจิตใจคนเลี้ยงและปลาก็ทรมาร ส่วนอาการรุนแรงที่บอก หาอ่านได้ในบทความเรื่องปลาชนตู้เพิ่มเติมได้ค่ะ
อีกนิด ในกรณีที่ชนไม่แรง ปลาอาจกลับมาเหมือนเิดิมได้ ขึ้นอยู่ที่ปลา ส่วนกรณีที่แรงมากๆ บอกตรงๆ ต้องทำใจ เพราะเมื่อกระดูกหักแล้วจะไปกดทับถุึงลม ทำให้บวม ลอยตัวขึ้นมา หงายท้อง ต้องพาไป ร.พ.สัตว์น้ำจุฬา เจาะออก ถ้าโชคดีก็ไม่ต้องเจาะอีก บางตัวก็ต้องพาไปเจาะอีก เพื่อให้ตัวจมน้ำ ถ้าไม่เจาะ ตัวปลาอยู่ เหนือน้ำจะเน่า และต้องทำกายภาพบำบัด นวดคลายเครียดด้วย บางตัวก็ต้องฉีดอาหารให้กินทางปาก น้อยตัวที่จะกลับตัวเองเพื่อกินอาหาร แต่ก็เคยเจอที่รอด กับมาปกติแต่น้อยมาก บางตัวก็ปกติ แต่ต้องนอนอยู่ในน้ำ เวลากินแล้วก็พลิกตัวขึ้นมา เป็นต้น
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ปลาทุกตัวที่ไปอยู่บ้านใหม่ปรับตัว และชินได้เร็วๆ กับเจ้าของใหม่นะค่ะ
อีกหนึ่งประสบการณ์ จากคนเลี้ยงปลา
ขอฝากไว้ด้วยเผื่อจะเป็นประโยชน์กับ
"มือใหม่หัดเลี้ยงด้วยนะค่ะ"
ขอฝากไว้ด้วยเผื่อจะเป็นประโยชน์กับ
"มือใหม่หัดเลี้ยงด้วยนะค่ะ"
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา บ้านปลาแสนสุขแม่กลองหวังว่าบทความจากประสบการณ์จริง
นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะค่ะ
“ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ “
เราทำในสิ่งที่รักและรักในสิ่งที่ทำ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ขอบคุณมากค่ะ
น่ากลัวที่สุด....... "ความสูญเสียที่คุณป้องกันได้"
ปลาวิ่งชนตู้
โดยทั่วไป ปลาจะตกใจไม่ง่ายนัก ถ้าปลาที่ชินกับคนเลี้ยงแล้ว แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น สาเหตุที่ทำให้ปลาวิ่งชนตู้ มีหลายกรณี เช่น ปลาตกใจ เมื่อมีคนหรือสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เดินผ่านไปมา การเคาะกระจกตู้ปลาก็มีส่วน หรือกรณี ที่นกบินลงมาเล่นน้ำในตู้ปลา ที่ไม่มีฝาปิดก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง การเข้าคู่ปลา โดยปกติแล้ว ปลาตัวผู้จะคึกเวลาเห็นคู่ อาจจะเป็นตัวผู้หรือตัวเมียก็ได้ ปลาจะว่ายน้ำอย่างรวดเร็วเข้าหาสิ่งที่ปลาเห็น ก็ทำให้หัวปลากระแทกกับตู้, แผงกั้น และอื่นๆได้ โดยมากอาการปลาวิ่งชนตู้นั้นอาจมีอีกหลายสาเหตุที่เราคาดไม่ถึง การที่ปลาวิ่งชนตู้ ก็เหมือเราปาลูกเทนนิสใส่กำแพง แรงสะท้อนจะกับมาเป็น 2 เท่าของแรงที่ปาลูกเทนนิสไป นี้คือสาเหตุที่ทำให้ปลาหลังหัก โดยส่วนกระดูกปลาที่หัก และพบบ่อยจะเป็นตรงส่วนคอ กล่าวคือเมื่อปลาวิ่งชนตู้ แรงกระแทกจะสะท้อนกลับเป็น 2 เท่า ส่งผลให้ข้อต่อของกระดูกหัก หรือเคลื่อนที่ออกจากตำแหน่งเดิม ทำให้ปลาไม่สามารถขยับร่างกายตั้งแต่ส่วนที่หัก ลงไปจนถึงปลายหางได้
อาการจะมีหลายอย่างแล้วแต่ความรุนแรงของการชน เช่น ปลาอาจจะทรงตัวไม่ได้ ลอยไปตามกระแสน้ำ, ว่ายหมุน, ตีลังกาไปมา และหลังจากที่มีอาการข้างต้น ถ้าปลาชนตู้แรง กระดูกส่วนที่หัก จะไปกดทับถุงลม ทำให้ปลาหงายท้อง และลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ ท้องปลา จะบวมขึ้นเรื่อยๆ ทุกวัน ถ้าพบอาการแบบนี้ ต้องรีบพาปลาไปหาสัตว์แพทย์ ทางด้านสัตว์น้ำเพื่อเจาะเอาลมในช่องท้องออก ถ้าโชคดี ท้องปลาจะไม่บวมอีก แต่ถ้าโชคร้าย อาการข้างต้นจะกลับมากอีก ก็ต้องพาไปเจาะลมออกอีก(เศร้า)
การรักษาเบื้องต้น
ควรจะลดระดับน้ำลงเพียงแค่ท่วมหลังปลา แล้วหาแผงกั้นหรือฟิวเจอร์บอร์ดมาหนีบตัวปลาไว้ไม่ให้ปลาขยับตัว เพื่อป้องกันไม่ให้้ปลาบาดเจ็บมากยิ่งขึ้น หลังจากนั้น ก็ควรรีบนำปลาไปส่งให้สัตว์แพทย์ทางด้านสัตว์น้ำรักษาเป็นการด่วน(ศูนย์วิจัยโรคสัตว์น้ำ คณะสัตว์แพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกร์มหาวิทยาลัย ถ.อังรีดูนังต์ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 02-251-8887,02-2189510 อาคาร 60 ปี ชั้น 2)
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ

ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
การรักษา โรคขี้ขาว ขี้เป็นวุ้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด ไส้ไหล
การรักษา โรคขี้ขาว ขี้เป็นวุ้น อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด ไส้ไหล
เป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่ง สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคนี้มีหลายสาเหตุด้วยกัน อาจจะมาจากเชื้อโปรโตซัว พยาธิ และอื่นๆ เป็นต้น อาการของโรคนี้มีหลายระดับขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ปลาป่วย ถ้าปลาไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้ปลาไส้ไหลได้
วิธีการรักษา
การรักษาทำได้โดยแยกปลาที่ป่วยออกมาใส่ในตู้ทีมีขนาดเล็กหน่อย เพื่อสะดวกในการเปลี่ยนถ่ายน้ำ โรคชนิดนี้เป็นโรคที่เกิดภายในตัวปลา จำเป็นที่จะต้องรักษาโดยการฉีดยาเข้าทางปากปลา ในที่นี้จะใช้ยา Clear และ Golden Vit (Clear เป็นยาที่ใช้ในการฆ่าเชื้อโรคทุกชนิดที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคขี้ขาว ส่วน Golden Vit เป็นวิตามินบำรุงปลาในกรณีที่ปลาป่วยมาเป็นเวลานาน ปลามีลักษณะโทรม จึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิตามินควบคู่กันไปด้วย) ปริมาณการใช้ สำหรับปลาที่ขนาดไม่เกิน 4 นิ้ว จะใช้ยา 2 แคปซูล(ยาสีเหลือง 1 เม็ด ยาสีขาว 1 เม็ด) สำหรับปลาที่มีขนาดเกินกว่า 4 นิ้ว ขึ้นไป ควรใช้ 4แคปซูล(ยาสีเหลือง 2 เม็ด ยาสีขาว 2 เม็ด) ส่วนวิตามินใส่ประมาณ ½ ช้อนชา ทำการผสมสัดส่วนยาและวิตามินเข้าด้วยกัน ต่อน้ำ 1 Ml. คนยากับน้ำให้เข้ากัน ลักษณะของยาที่ได้จะมีสีเหลืองและข้น แล้วจึงใช้สริงดูดยาขึ้นมาให้หมด นำผ้าสะอาดที่ได้เตรียมไว้ มาห่อตัวปลาที่ป่วยตามรูป แล้วค่อยๆ นำสริงแย่เข้าไปในปากปลา จะสังเกตุได้ว่า ปลาจะค่อยๆกลืนไส้ไก่ลงไป(ความยาวของไส้ไก่ให้วัดจากปากเลยเหงือกไปนิดหนึ่ง ) แล้วค่อยๆ ทำการเดินยาอย่างช้าๆ จนหมด นับ 1-10 แล้วค่อยปล่อยปลาลงน้ำ ทำตามขั้นตอนดังกล่าวทุกวัน เป็นเวลาอย่างน้อย 7 วัน ปลาจะค่อยๆ อาการดีขึ้น ในช่วงระยะการรักษาควรงดอาหารและเปลี่ยนถ่ายน้ำทุกวันหลังเปลี่ยนถ่ายน้ำ เสร็จ ก็ทำการฉีดยา(วันละ1ครั้งเท่านั้น)ปลาจะค่อยๆอาการดีขึ้น โดยสังเกตุจากขี้ของปลาจะขี้ขาวน้อยลง หลังจากครบกำหนด 7 วัน เรายังคงต้องทำการถ่ายน้ำปลาอยู่เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ปลาหิว สดชื่น และอยากที่จะกินอาหาร อาหารที่ควรจะให้ในช่วงนี้ ควรเป็นอาหารสด ที่มีความสะอาด จะเป็นการกระตุ้นให้ปลาอยากกินอาหารมากขึ้น เพราะอาหารสดมีความคาว เช่น ไรทะเล หนอนแดง (ควรให้แต่น้อยๆ ก่อน เพื่อดูว่าปลากินหรือไม่ ถ้าปลากินค่อยๆ เพิ่มจำนวนขึ้นตามลำดับ ในวันต่อๆไป) และสังเกตขี้ของปลาจะเปลี่ยนสีจากสีขาวเป็นสีดำในที่สุด
หมายเหตุ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าฉีดยาเข้าท้องปลาหรือไม่ โดยสังเกตุจากขี้ของปลาจะเป็นสีเหลืองนั้นก็คือสีของยานั้นเองและการฉีดยาที่กล่าวมาข้างต้นจะใช้กับปลาที่มีขนาดเล็กกว่า3นิ้วแต่ถ้าปลามีขนาดใหญ่กว่าก็ไม่ต้องใช้ไส้ไก่ก็ได้
หมายเหตุ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าฉีดยาเข้าท้องปลาหรือไม่ โดยสังเกตุจากขี้ของปลาจะเป็นสีเหลืองนั้นก็คือสีของยานั้นเองและการฉีดยาที่กล่าวมาข้างต้นจะใช้กับปลาที่มีขนาดเล็กกว่า3นิ้วแต่ถ้าปลามีขนาดใหญ่กว่าก็ไม่ต้องใช้ไส้ไก่ก็ได้
"การดูแลรักษาปลาไม่ให้เป็นโรค ย่อมดีกว่า ปล่อยให้ปลาเป็นโรคแล้วมาค่อยรักษา "
จากภาพข้างต้นด้านบน จะเป็นอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับการรักษาปลา
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
ป้ายกำกับ:
การฟอร์มปลา,
บทความ,
ปลาหมอสีเป็นแผล,
ปลาหัวเป็นรู
การรักษา โรคหัวเป็นรู หัวเป็นฝี
โรคชนิดนี้ถ้าไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็น เพราะรูที่หัวปลามีขนาดเล็กมาก(ระยะเริ่มแรกที่เป็น) แต่จะมาเห็นอีกทีตอนรูใหญ่มากแล้ว โดยปกติเชื้อโรคชนิดนี้จะเจาะเข้าไปในหัวปลาและทำลายเนื้อเยื่อในหัวปลา รูที่หัวปลาจะมีจำนวนมากน้อยขึ้นอยู่กับระยะเวลาทีเป็นและถ้าเป็นนานๆ รูเล็กๆ ที่หัวปลาจะเชื่อมต่อถึงกันจนรูที่หัวปลามีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูแล้วน่ากลัวมากม๊าก เชื้อโรคจะเจาะบริเวณหัวปลาเต็มไปหมดชนิดที่เรียกได้ว่าทุกรูขุมขน ถ้าปล่อยไว้นานๆ ปลาก็จะไปสวรรค์ได้ โดยที่เราไม่สามารถช่วยอะไรไม่ได้เลย
ส่วนหัวเป็นฝีนั้นที่หัวปลาจะมีลักษณะเป็นฐานกว้าง มีสีขาวขุ่น หัวฝีจะเริ่มดันผิวหนังส่วนหัวของปลาออกมา และแตกออก ลักษณะแผลเมื่อกับหัวปลาไปชนอะไรมาพอเวลาผ่านไป หัวฝีที่เป็นลักษณะฐานกว้างๆ จะหลุดออกมาทำให้หัวปลามีรูขนาดใหญ่ช่วงนี้ควรรีบรักษา และดูแลความสะอาดของน้ำเป็นสำคัญ
เสริม โรคชนิดนี้สามารถใช้ยา Bacta ควบคู่กันไปซึ่งจะช่วยให้แผลของปลาหายเร็วยิ่งขึ้น
ยา Bacta ใช้ควบคู่กับการทายาจะช่วยให้ปลาหายเร็วยิ่งขึ้น
ส่วนหัวเป็นฝีนั้นที่หัวปลาจะมีลักษณะเป็นฐานกว้าง มีสีขาวขุ่น หัวฝีจะเริ่มดันผิวหนังส่วนหัวของปลาออกมา และแตกออก ลักษณะแผลเมื่อกับหัวปลาไปชนอะไรมาพอเวลาผ่านไป หัวฝีที่เป็นลักษณะฐานกว้างๆ จะหลุดออกมาทำให้หัวปลามีรูขนาดใหญ่ช่วงนี้ควรรีบรักษา และดูแลความสะอาดของน้ำเป็นสำคัญ
การรักษา
โรคนี้การรักษาจะไม่ยุ่งยากแต่ต้องอาศัยความขยันและอดทน การรักษาทำได้โดยใช้ยาสามัญประจำบ้าน ก็คือ เบต้าดีน หยดใส่คัตเติลบัทให้ชุ่มแล้วทาให้ทั่วหัวปลาบริเวณที่เป็นรู ให้ทาเช้า 1 ครั้งและเย็น 1 ครั้ง ทำทุกวัน จะสังเกตุเห็นได้ว่ารูที่หัวปลาจะตื้นขึ้นและเต็มในที่สุด อย่างที่กล่าวโรคนี้รักษาไม่ยากแต่ต้องอาศัยความขยันและอดทนเป็นสำคัญเสริม โรคชนิดนี้สามารถใช้ยา Bacta ควบคู่กันไปซึ่งจะช่วยให้แผลของปลาหายเร็วยิ่งขึ้น
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
อาการปลาไม่กินอาหาร, ปลาแอบตามมุม, กลัว, ตัวเป็นบังๆ, ซึม, เบื่อหาร
อาการปลาไม่กินอาหาร, ปลาแอบตามมุมตู้, ตัวเป็นบังๆ
สาเหตุก็อาจมาได้จากหลายอย่างเช่น ปลามีอาการเครียดเนื่องจากปลาย้ายสถานที่ อากาศที่มีอุณหภุมิเย็นลงปลาก็จะกินอาหารได้น้อยลง และบ้างก็อาจจะนอนอยู่มุมตู้
การรักษา
อาจจะมีการติดฮีสเตอร์, เปลี่ยนถ่ายน้ำบ่อยๆ เพื่อเป็นการกระตุ้นให้ปลาสดชื่นและหิว อาจจะมีปลาเล็กไว้ให้ไล่ หรืออาจจะติดกระจกเงาก็ได้ และอาจจะมีการเสริมวิตามิน ช่วยลดความเครียดของปลาได้ เช่น Vit Fit ซึ่งจะช่วยให้ปลาหายเครียด ไม่ดร็อปและทำให้ปลาสามารถปรับตัว ให้เข้ากับสถานที่ใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ

Vit Fit เป็นวิตามินที่ช่วยลดความเครียดในปลา ทำให้ปลาไม่ดร็อป สดชื่นแข็งแรง กินเก่ง
วิตามินละลายน้ำสำหรับปลาสวยงาม
สาเหตุของโรคเกือบทุกโรคเกิดจากร่างกายปลาที่อ่อนแอ บวกกับการเข้ามาของเชื้อ ความเครียดของปลาย่อมส่งผลจ่อภูมิคุ้มกัน vit fish ประกอบด้วยวิตามินช่วยลดอาการเครียดของสัตว์น้ำ และช่วนในเรื่องของระบบภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ในช่วงอากาศเปลี่ยน ซึ่งมีผลต่อการกินอาหารและระบบขับถ่าย เกี่ยวเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การควบคุมอุณหภูมิและการเสริม Vit fish สามารถลดปัญหาดังกล่าวได้
การรักษา โรคจุดขาว
โรคจุดขาว
เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อที่เรียว่า อิค และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง อุณหภูมิของน้ำอย่างรวดเร็วก็สามารถเกิดโรคนี้ขึ้นได้
โดยทั่วไปเชื้อโรคชนิดนี้จะเจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิต่ำๆ(ต่ำกว่า 25 องศา)และสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่ช.ม. ปลาที่แสนรักจะถูกปกคลุมไปด้วยจุดขาวทั้งตัว ชนิดที่เรียกได้ว่า หาพื้นที่ว่างบนตัวปลาไม่ได้เลย ปลาจะแอบอยู่ตามมุม คลีบจะลู่ ปลาจะตัวดำ เป็นต้น
การรักษา
อุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ คือฮีตเตอร์ หรือตัวทำความร้อน จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า เชื้อโรคชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตได้รวดเร็วที่อุณหภูมิต่ำ โดยฮีตเตอร์จะไปทำให้เชื้ออิคเจริญเติบโตได้ช้ากว่าปกติทำให้ไม่สามารถขยายพันธุ์ได้และตัวแก่ที่หลุดจากตัวปลาลงไปอยู่ที่ก้นตู้ก็ปล่อยตัวอ่อนออกมาเกาะปลาอีกไม่ได้เนื่องจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมทำให้วงจรชีวิตของเชื้อโรคชะงักไปซึ่งในช่วงนี้เราจะใช้ยาแช่เพื่อฆ่าเชื้อโรคชนิดนี้ไปพร้อมๆกับการดูดเชื้ออิคที่ตกอยู่ก้นตู้ออกให้หมดในทุกๆวันแล้วเติมน้ำใหม่ลงไปให้เท่าของเดิมและใส่ยาลงไปด้วยหลังจากเติมน้ำเสร็จทำอย่างนี้ทุกๆวันปลาจะค่อยๆดีขึ้นในช่วงของการรักษาควรงดอาหารด้วย
อุปกรณ์ที่ต้องใช้
1.ฮัสเตอร์ มีหลายขนาดให้เลือกใช้ ตามความเหมาะสม มีทั้งขนาด 100 W. 200 W. 300 W. (ตั้งอุณหภูิมิไว้ที่ 30 องศา)
2.ยารักษาโรค
3.ปรอทวัดอุณหภูิมิ
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
086-7758674 081-8342544
ขอบคุณมากค่ะ
โรคตัวเป็นแผล, ตกเลือด, ตาโปน, ปากบวม
โรคเหล่านี้เป็นโรคที่มักพบบ่อยหรือพูดง่ายๆ ว่าอาจจะเป็นโรคที่ไม่ค่อยจะร้ายแรงมาก เป็นโรคพื้นๆ ทั่วไปการรักษา ก็ไม่ยุ่งยาก เพราะโรคพวกนี้จะเป็นโรคที่เกิดกับตัวปลาภายนอก ไม่ใช่ภายในตัวปลาอย่างเช่น โรคขี้ขาว
สาเหตุ ก็อาจจะมีหลายสาเหตุ เช่น โรคตัวเป็นแผล , ตกเลือด อาจจะเกิดจากน้ำสกปรก ปลาเอาตัวถูไถไปกับพื้นตู้ทำให้ตัวปลาเกิดบาดแผลและถลอก เมื่อมีแผล เชื้อโรคที่อยู่ในน้ำ ก็จะเข้าสู่ร่างกายของปลาได้ เป็นต้น
โรคตาโปน, ปากบวม เหล่านี้ก็อาจเกิดจากอุบัติเหตุข้างต้นได้เช่นกัน หรือแม้แต่เกิดจากการกัดกัน ระหว่างการเข้าคู่ปลา ก็เป็นได้ คือจะกล่าวได้ว่าเมื่อภูมิคุ้มกันในตัวปลาลดลง ก็จะทำให้ร่างกายของปลาอ่อนแอลง ก็จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ตัวปลาได้ง่ายขึ้น และเมื่อปลาป่วย ปลาก็จะแสดงอาการป่วยต่างๆ ออกมาให้เราเห็น
การรักษา
จากที่กล่าวมาข้างต้นโรคเหล่านี้เป็นโรคที่เกิดกับภายนอกตัวปลาเป็นหลัก การรักษาจะเป็นการนำยามาแช่ตัวปลา ยาที่ใช้จะเป็น BACTA การรักษาทำได้โดยย้ายปลาที่ป่วยใส่ตู้ที่มีขนาดเล็กหน่อย เพื่อสะดวกในการถ่ายน้ำและใส่ยา(ไม่เปลื้องยา) ระหว่างการรักษาควรงดอาหาร หลังจากที่นำปลาใส่ตู้ไว้แล้วก็จะทำการคำนวณน้ำว่ามีปริมาณกี่ลิตรแล้วจึง ใส่ยาลงไปตามข้อบ่งใช้ในฉลาก การถ่ายน้ำควรทำทุกวันหลังถ่ายน้ำเสร็จก็เติมยาลงไปทำติดต่อกันเป็นเวลา อย่างน้อย 7 วัน หรือสังเกตจากอาการของปลาว่าดีขึ้น
สูตรการคำนวณน้ำในตู้
กว้าง(ซ.ม.) X ยาว(ซ.ม) X สูง(ซ.ม.) / 1000 = จำนวนน้ำ(ลิตร)
กว้าง(ซ.ม.) X ยาว(ซ.ม) X สูง(ซ.ม.) / 1000 = จำนวนน้ำ(ลิตร)

บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
ขอบคุณมากค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ดา-ด็อจ
ขอบคุณมากค่ะ
อาการเหงือกปลาขยับข้างเดียว
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้เท่าที่เจอมากับตัวเอง อันดับหนึ่งเลย คงหนีไม่พ้นเรื่องของคุณภาพของน้ำ รองลงมาก็จะเป็นความสะอาดของเหยื่อ(อาหารทุกชนิด) ต่อไปก็จะเป็นเรื่องของอุณหภูมิของน้ำที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และอาจจะมีอีกหลายสาเหตุที่ทำให้ปลามีอาการแบบนี้ได้
แล้วก็ถ้าถามว่าอาการแบบนี้สาเหตุต้นตอแล้วมาจากอะไรก็ตอบยาก เพราะเท่าที่หาข้อมูลส่วนใหญ่แล้วจำเป็นจะต้องขูดเมือกที่บริเวณเหงือกของปลา เพื่อนำไปตรวจหาเชื้อโรคและต้องรอ 1-2 วัน เพื่อทราบผลแต่ด้วยความที่ใจร้อน กลัวปลาตาย ก่อนที่จะรู้ผล เลยต้องลองผิดลองถูกอยู่นานกว่าจะหาวิธีรักษาแบบรวดเร็วและหายทันใจได้
วิธีการรักษาแบบบ้านๆ ขอแยกประเภทของปลานิดนึ่งนะคะ เพราะเคยลองใช้วิธีเดียวกันแล้วใช้ไม่ได้ค่ะ
ประเภทปลาทอง การรักษาจะนำเกลือ ½ ก.ก. ต่อน้ำ 100 ลิตร + ยาเหลืองแช่ไว้ประมาณ 3 วันโดยหาเสื่อหรือกระเบื้องมาปิด ภาชนะที่ใส่ปลาให้มิดอย่าให้แสงส่องลงไปได้และเพื่อลดอาการปลาเครียดปลาไปในตัว วิธีนี้ใช้ได้กับปลาทอง แต่ไม่เหมาะกับปลาชนิดอื่นนะคะ
ประเภทที่สอง ปลาหมอสี ก็ง่ายมาก ถ้าพบอาการแบบนี้ควรจะถ่ายน้ำให้สะอาดแล้วใส่ยา Vit Fit ลงไป ตามอัตราส่วนแล้วปลาจะค่อยๆ ดีขึ้นวิธีนี้ทดลองแล้วได้ผลดีเชียว
ทั้งสองเคสนี้ ทางเราได้ทดลองแล้วจากประสบการณ์จริง และต้องขอบอกไว้เลยว่า ไม่ว่าจะสูตรยา, อาหาร, หรือสูตรอะไรก็แล้วแต่สามารถ พลิกแพลงได้หลากหลาย แล้วแต่ผู้ที่ทดลองจะเลือกใช้แต่ก็ควรมีการจดบันทึกผลของสูตรนั้นๆ ด้วยว่าได้ผลจริงหรือไม่
บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อเป็นวิทยาทาน ให้สำหรับพี่ๆ น้องๆ และเพื่อนๆ ที่ชอบเลี้ยงปลา หวังว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้ศึกษาและทางเรา ไม่สงวนลิขสิทธิ์
ขอให้มีความสุขกับการเลี้ยงปลานะค่ะ
บ้านปลาแสนสุขแม่กลอง
ด็อจ
086-7758674
ขอบคุณมากค่ะ
ด็อจ
086-7758674
ขอบคุณมากค่ะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)